ทักทายตัวเองและชาวโลก

นี่คือ blog แรกของผม ที่จะพูดถึงเรื่องของข้อมูลที่สมัยนี้ ไม่ว่าอะไรก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคน ทุกองค์กร ทุกธุรกิจไขว่คว้าเอามาเก็บเป็นทรัพย์สมบัติของตัวเอง ถือเป็นทรัพยากรที่มีค่า

และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของประเทศไทยในยุคสมัยนี้ ที่เอะอะก็ไฮเทคไว้ก่อน เลยใช้ชื่อว่า "Data 4.0" และนี่เป็นภาคแรกฮะ

4.0 คืออะไร

เนื่องด้วยรัฐบาลไทยอ่ะนะ เค้าชู innovation นั่นนี่ แล้วก็มีนิยามตัวเลขมาตัวนึงที่สื่อความหมายกลายๆว่าเป็นอนาคตของ innovation ที่สดใส นั่นก็คือ เลข ​4.0 เนี่ยแหละฮะ

มีคนอธิบายว่า กว่าจะมาเป็น 4.0 มันมีที่มานะเออ

1.0 คือ ยุคเริ่มต้นของมนุษย์เผ่าโฮโมเซเปี้ยนแบบเราๆนี่แหละ เป็นยุคเกษตรกรรม ข้าวปลาหุงหากัน

2.0 จะเป็นเฟสของอุตสาหกรรมแบบเบา เช่น เครื่องหนัง แกะสลัก ก็ยังใช้แรงงานคนอยู่ แต่ก็มีเครื่องจักรมาผ่อนแรงแล้ว

3.0 คือยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมา ตัวอย่างที่เห็นง่ายสุด แน่นอน รถจักรไอน้ำ สัญลักษณ์ของยุคเลยแหละฮะ

และเป้าหมายของเรา 4.0 เป็นยุคที่อุตสาหกรรมเจริญมาถึงจุดนึง ที่หลายๆคนเห็นพ้องต้องกันว่า มันเป็นจุดอิ่มตัว ที่ถ้าลงแค่แรงไป มันก็ได้กลับมาไม่คุ้มแล้ว จึงมีแฟกเตอร์ตัวนึงเพิ่มเข้ามา นั่นคือ "นวัตกรรม" หรือ innovation ที่ใช้กันแพร่หลายมาก มากจนผมรู้สึกว่ามันเป็นคำ cliche (เกร่อ) เกินไปแล้วฮะ

นวัตกรรม คือ อะไร

ก็ตามที่เกริ่นไว้ข้างบนนั่นล่ะฮะ เราจะมามองหากันว่า ไอ้คำว่านวัตกรรมที่มันใช้กันเกร่อเนี่ย จริงๆแล้วมันคืออะไร

ว่าแล้วก็หยิบพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ค้นเจอว่า

นวัตกรรม

น. การกระทำหรือสิ่งที่ทำขึ้นใหม่หรือแปลกจากเดิมซึ่งอาจจะเป็นความคิด วิธีการ หรืออุปกรณ์ เป็นต้น. (ป. นวตา + ส. กรฺม; อ. innovation).เว็บไซต์พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554

เป็นคำอธิบายที่มีขอบเขตความหมายกว้างมากกกกก คือ ความแปลกอ่ะ แค่ไม่เหมือนเดิมก็ถือว่าแปลกแล้วนะฮะ ดังนั้น มันจึงไม่ใช่แค่ไม่เหมือนของเดิมอย่างเดียว มันจะต้องมีอะไรเพิ่มเติม ให้ของอันใหม่นี้มีประโยชน์ มีคุณค่า หรือมูลค่าเพิ่มจากเดิมด้วยฮะ

ป้าศรีข้างบ้าน กล่าวเอาไว้ว่า "ตอนนี้อ่ะนะ โลกนี้ไม่มีที่เหลือให้เราคิดของใหม่แล้วล่ะ ที่ทำได้ คือ เอาของเก่ามาทำให้มันใหม่ ให้มันขายได้ มีราคาจากของเก่าที่ไม่น่าตื่นเต้นแล้ว" กล่าวจบ ป้าศรีก็เดินจากไปเข้ากลุ่มสมาพันธ์แม่บ้านเม้ามอยเรื่องชาวบ้าน

อย่างน้อยที่สุด ถ้าเราจะสร้างของใหม่ให้มันดีกว่า แพงกว่า มีประโยชน์ มีอะไรๆมากกว่าของเก่า เราจะต้องรู้ว่า ของเก่ามันไม่ดีตรงไหน ของใหม่จะต้องแก้ข้อไม่ดียังไง แล้วที่สำคัญที่สุด คือ ข้อดีจากของใหม่จะทำให้ขายได้ยังไง เนี่ย โจทย์หินมากเลยฮะ

นวัตกรรมน่ะ สร้างจากความรู้นะ

ใช่ฮะ ถ้าเรารู้ เราก็สามารถสร้างสิ่งของ ปั้นราคา ให้มันขายได้ มีประโยชน์ได้ คำถามถัดมาจึงกลายเป็นว่า เราจะต้องรู้อะไรบ้างล่ะ

Data 4.0

ลากเข้าประเด็นได้สักที (ฮา)

โลกใบนี้นั้นมีความรู้นับอนันต์ให้เราเอามาใส่หัว เอามาสังเคราะห์ เอามาใช้ประโยชน์ได้ แต่เราไม่สามารถรู้มันทั้งหมดได้ เราไม่ได้เป็นอมตะขนาดที่จะใช้เวลาเรียนรู้ทุกเรื่อง เราจำเป็นต้องรู้เท่าที่เราจำเป็น เท่าที่ต้องการเอามาทำประโยชน์ ถ้าเราอยากทำเสื้อผ้าสวยๆ เราต้องรู้การตัดเย็บ ถ้าอยากทำอาหารอร่อย ต้องรู้จักวัตถุดิบ เนื้อสัตว์ ธัญพืช

ในยุคนี้ที่อะไรๆ ก็เข้าถึงได้ง่าย ความรู้มีเป็นกิโล เครื่องมือมีเป็นกุรุส ความเป็นนวัตกรรมจึงกลายเป็นว่า ใครใช้ประโยชน์จากความรู้อันมหาศาลบนโลกนี้ได้มากกว่า คนนั้นได้เปรียบ นั่นเองฮะ

และนี่คือ จุดเร่ิมต้นของ Data 4.0

อ้างอิง: https://km.li.mahidol.ac.th/thai-studies-in-thailand-4-0/

ตอนต่อไป: Data 4.0 (ภาค 2)